“เคยสงสัยกันไหม ว่าทำไมสองฝั่งถนนข้างทางเราถึงต้องมีต้นไม้ใหญ่ และทำไมจึงมีต้นไม้ที่เกาะกลางถนน”
คำตอบไม่ใช่แค่มีไว้เพื่อความสวยงามสบายตาเท่านั้นแต่ต้นไม้เหล่านี้มีความสำคัญในฐานะเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานของเมืองเลยนะนอกจากจะช่วยลดการใช้พลังงานภายในเมืองจากการให้ร่มเงาและลดอุณหภูมิบนท้องถนนให้เย็นลงจากการคายระเหยน้ำช่วยดูดซึมระบายน้ำออกจากท้องถนนการศึกษายังพบว่าการมีต้นไม้ถือเป็นเครื่องมือทำให้การขับขี่เป็นไปได้ปลอดภัยขึ้นด้วยเหตุผล 3 ข้อ ได้แก่
1.อุบัติเหตุส่วนใหญ่ในการขับขี่มักมาจากการใช้ความเร็วสูงซึ่งสิ่งที่จะช่วยลดความเร็วได้ก็ได้แก่การทำให้เกิดพื้นผิวที่ขรุขระ สร้างเนิน หรือจำกัดความเร็วรวมไปถึงการปลูกต้นไม้เพราะการมีต้นไม้จะส่งผลต่อการรับรู้ความกว้างถนนของคนขับทำให้จิตใจสำนึกสั่งการให้ขับรถช้าลงโดยอัตโนมัติ
2.เกาะกลางถนนที่มีต้นไม้ช่วยในการแบ่งเลนการมีเกาะกลางถนนที่ปลูกต้นไม้ นอกจากจะทำให้เกิดความสวยงามแล้วยังช่วยลดอุบัติเหตุจากการขับรถข้ามเลนมาชนกัน และลดอุบัติเหตุระหว่างรถยนต์และคนเดินถนนได้ถึง 50% เมื่อเทียบกับเกาะกลางถนนที่ไม่ปลูกต้นไม้
3.ช่วยลดความขุ่นข้องใจขณะขับขี่ งานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่าการได้เห็นธรรมชาติจะช่วยทำให้จิตใจปลอดโปร่งและใจเย็น ลดความตึงเครียดที่อาจเกิดจากการขับขี่ ทำให้การใช้รถและถนนเป็นไปได้อย่างมีสติยิ่งขึ้น ไม่หัวร้อนใส่กันจนเกิดอุบัติเหตุนั่นเอง
แต่การปลูกต้นไม้ริมถนนนั้นก็มีสิ่งที่ต้องพึงระวังอยู่เหมือนกัน นั่นคือการเลือกพันธุ์ไม้ที่จะปลูกให้ดี เพราะในปัจจุบันมีอุบัติเหตุการขับรถชนต้นไม้ให้เห็นในบ้านเราเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะถนนเส้นใหญ่อย่างทางหลวงที่คนขับขี่ด้วยความเร็วสูง เดิมทีเราเลือกปลูกต้นไม้ริมทางที่มีลำต้นใหญ่ แข็งแรง และมีรากยึดเกาะกับดินแน่น เมื่อมีอุบัติเหตุจึงเกิดความเสียหายรุนแรงจากแรงกระแทก
ดังนั้นหากจำเป็นต้องเลือกปลูกต้นไม้ริมถนนหรือบนเกาะกลาง จึงควรเลือกต้นไม้ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 30 เซนติเมตร ปลูกไม้พุ่มสลับกับไม้ยืนต้น และเว้นพื้นที่ 9-12 เมตรเป็นระยะปลอดภัย ก็จะช่วยลดอุบัติเหตุลงได้
“ในเมื่อต้นไม้ริมทางมีประโยชน์กับเราขนาดนี้ ก็อย่าลืมมีสติและใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ เดินทางบนท้องถนนกันนะ”
#คุณภาพสิ่งแวดล้อมคือคุณภาพชีวิต
ที่มา deeproot.com, michigan.gov, pptvhd36.com, walga.asn.au